วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

มะกอกเกลื้อน บักเลื่อม มะกอกป่า ต้นพันธุ์มะกอกเกลื้อนราคาถูก

มะกอกเลื่อม..บักเลื่อม ลูกกาน่า หรือลูกคะน้า ผลไม้ป่าแต่โบราณ นำมาดองหรือแช่อิ่มไว้ทานอร่อยมาก วิตามิน โปรตีน เกลือแร่ เพียบ หรือจะนำมาตากแห้งไว้ต้มน้ำดื่มแทนชา ชุ่มคอ แก้ไอ ช่วยระบายดีท๊อกซ์ได้ดี..มีลูกแบ่ง...พอหาได้..ส่วนต้นกำลังเพาะเป็นไม้โตเร็ว เนื้ออ่อน ปลูกเห็ดได้ดี..ที่สำคัญทุกๆต้นราดเชื้อเห็ดไค เห็ดดิน เห็ดก่อ เห็ดถ่าน เห็ดระโงกอย่างดี 4-5 รอบ สนใจติดต่อ บ้านสวนสวรสฟาร์ม 090-9569093,089-6889946

มะกอกเกลื้อน

มะกอกเกลื้อน ชื่อสามัญ Kenari, Upi
มะกอกเกลื้อน ชื่อวิทยาศาสตร์ Canarium subulatum Guillaumin จัดอยู่ในวงศ์มะแฟน (BURSERACEAE)
สมุนไพรมะกอกเกลื้อน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะเลื่อม (พิษณุโลก, จันทบุรี), มักเหลี่ยม (จันทบุรี), โมกเลื่อม (ปราจีนบุรี), มะกอกเกลื้อน (ราชบุรี), มะเหลี่ยมหิน (มหาสารคาม), มะเกิ้ม (ภาคเหนือ), กอกกัน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), มะกอกเลื่อม (ภาคกลาง), มะกอกเลือด (ภาคใต้), มะกอกกั๋น (คนเมือง), มะเกิ้ม (ไทลื้อ), เกิ้มดง เพะมาง สะบาง ไม้เกิ้ม (ขมุ), ซาลัก (เขมร) เป็นต้น

ลักษณะของมะกอกเกลื้อน

  • ต้นมะกอกเกลื้อน จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีความสูงของต้นประมาณ 10-25 เมตร เรือนยอดกลม ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ตามกิ่งมีแผลใบเห็นชัดเจน กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมส้มขึ้นหนาแน่น เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมเทาถึงเทาแก่ เปลือกต้นแตกเป็นสะเก็ดหรือแตกเป็นร่องตามยาว ส่วนเปลือกชั้นในเป็นสีน้ำตาลอ่อนมีขีดเส้นขาว ๆ เมื่อสับจะมีน้ำยางสีขาวขุ่นหรือน้ำยางใส น้ำยางเมื่อแห้งจะเป็นสีน้ำตาลดำหรือสีดำ มีกลิ่นคล้ายน้ำมันสน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง เป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ทนต่อแสงแดดได้ดี ชอบขึ้นในที่แล้ง ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค มักพบขึ้นตามบริเวณป่าไม้ผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าละเมาะ ป่าดิบแล้ง และตามบริเวณป่าหญ้าหรือทุ่งหญ้าทั่วไป ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,200 เมตร
ต้นมะกอกเกลื้อน
  • ใบมะกอกเกลื้อน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียงเวียน มีใบย่อยประมาณ 2-5 คู่ ออกเรียงตรงข้าม ใบประกอบยาวประมาณ 12-14 เซนติเมตร แกนกลางยาวประมาณ 8.5-12 เซนติเมตร ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่แกมวงรี รูปรีแกมรูปไข่ รูปไข่ รูปขอบขนาน หรือรูปหอก ปลายใบมนเป็นติ่งแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบมนหรือเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบหยักเป็นซี่เลื่อยตื้น ๆ ตามรอยหยักมีขนเป็นกระจุก มีหูใบแต่หลุดร่วงได้ง่าย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-9 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-18 เซนติเมตร แผ่นใบกึ่งหนา คล้ายแผ่นหนัง หลังใบด้านบนมีขนขึ้นประปรายที่เส้นกลางใบและขอบใบ ส่วนท้องใบด้านล่างมีขนสั้น ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป ท้องใบมองเห็นเส้นใบได้ชัดเจน เส้นแขนงใบมีข้างละ 8-15 เส้น ก้านใบย่อยยาวประมาณ 0.5-1.2 เซนติเมตร ก้านใบรวมมีหูใบแคบ 1 คู่ ขนาดประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร ส่วนใบแก่เป็นสีแดงเข้ม
ใบมะกอกเกลื้อน
  • ดอกมะกอกเกลื้อน ออกดอกเป็นช่อเชิงลดตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ยาวประมาณ 7-25 เซนติเมตร ดอกย่อยมีจำนวนมาก ดอกมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกเพศผู้และช่อดอกเพศเมียแยกกัน แต่อยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกเพศผู้จะยาวกว่าช่อดอกเพศเมีย โดยช่อดอกเพศผู้มักออกเป็นแบบช่อกระจุกแยกแขนงยาวประมาณ 7-25 เซนติเมตร ส่วนช่อดอกเพศเมียมักออกเป็นช่อกระจะยาวเพียง 8-10 เซนติเมตร ดอกเพศเมียมีขนทั่วไป กลีบดอกเป็นสีขาวแกมเหลือง มี 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปขอบขนาน มีขนาดกว้างประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 7-8 มิลลิเมตร ส่วนกลีบรองกลีบดอกที่โคนเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวยหรือรูปถ้วย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นแฉก 3 แฉก ยาวประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร มีขนนุ่มทั้งสองด้าน ขอบหยัก ดอกมีเกสรเพศผู้ 6 อัน เชื่อมกันที่ฐานเป็นท่อสั้น ๆ รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปรีมี 3 ช่อง ในแต่ละช่องจะมีออวุล 2 เม็ด ออกดอกในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม
  • ผลมะกอกเกลื้อน ออกผลเป็นช่อ ช่อหนึ่งมีผลประมาณ 1-4 ผล ช่อยาวประมาณ 2.5-8 เซนติเมตร ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่ รูปกลม หรือรูปกระสวย ผลอ่อนเป็นสีเหลือง เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนสีเขียวอมเหลือง ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.7-3.5 เซนติเมตร บริเวณขั้วผลมีกลีบรองกลีบดอกเป็นรูปถ้วยเชื่อมติดอยู่กับก้านช่อดอก ขนาดกว้างประมาณ 0.6-1.5 เซนติเมตร ภายในผลมีเมล็ดลักษณะเป็นรูปกระสวย 3 เมล็ด เรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ชั้นหุ้มเมล็ดแข็งมาก ติดผลในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม
ผลมะกอกเกลื้อน

สรรพคุณของมะกอกเกลื้อน

  1. ชาวเขาเผ่าแม้วจะใช้มะกอกเกลื้อนทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำอาบ ช่วยบำรุงร่างกายให้มีกำลังแข็งแรง (ทั้งต้น)
  2. ตำรายาไทยจะใช้ผลนำมารับประทานเป็นยาแก้ไอ หรือใช้ผลสดหรือผลแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน ส่วนอีกวิธีให้ใช้ผลแห้งนำมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ (ผล)
  3. ผลใช้รับประทานเป็นยาช่วยขับเสมหะ น้ำลายเหนียว หรือใช้ผลสดหรือผลแห้งนำมาต้มเอาน้ำกิน ส่วนอีกวิธีให้ใช้ผลแห้งนำมาตำให้ละเอียด แล้วนำมาชงกับน้ำกิน (ผล)
  1. ตำรายาพื้นบ้านอีสานจะใช้เปลือกต้นมะกอกเกลื้อนเป็นยารักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน (เปลือกต้น) มีรสเฝื่อนใช้เป็นยาแก้โลหิตระดูพิการ (แก่น)
  2. ยางสดใช้เป็นยาทาภายนอกแก้อาการคัน ตุ่มคันหรือเม็ดผื่นคัน (ยาง)
  3. แก่นใช้เป็นยาแก้ประดง (อาการของโรคผิวหนังที่เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด มีอาการคันมากและมักมีไข้ร่วมด้วย) (แก่น)

ประโยชน์ของมะกอกเกลื้อน

  1. ผลสดมีรสฝาดเปรี้ยวใช้รับประทานได้ มะกอกเกลื้อนจัดเป็นพืชป่าเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง ประชาชนสามารถเก็บผลมาขายได้ โดยการนำผลมาดองและแช่อิ่มแทนลูกหนำเลี้ยบรับประทาน หรือจะใช้ผลแก่รับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริกก็ได้
  2. เนื้อในเมล็ดสีขาวมีรสมัน ใช้รับประทานได้
  3. ยางสดใช้เป็นเครื่องหอม
  4. เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำโครงสร้างต่าง ๆ ของบ้านได้ เช่น หน้าต่าง ประตู กระดาน พื้น ฝา เครื่องมือเครื่องใช้ภายในร่ม ทำก้านและกลัดไม้ขีดไฟ ทำพิณ ฯลฯ (ในปัจจุบันไม้มะกอกเกลื้อนจัดเป็นไม้หวงห้ามธรรมดา ประเภท ก.)
  5. ต้นมะกอกเกลื้อนเป็นไม้โตเร็ว จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้เบิกนำในการปลูกป่า เนื่องจากเป็นไม้เนื้ออ่อน กิ่งหักง่าย และก่อให้เกิดโพรงเมื่อฝนตกลงมา ทำให้น้ำฝนมาขังอยู่ในโพรงตลอดปี ชาวอีสานจะเรียกโพรงนี้ว่า "สร้างนก" ซึ่งหมายถึงแอ่งน้ำสำหรับนก ที่ทำให้นกมีน้ำกินตลอดทั้งปี
  6. นอกจากนี้หมอยาบางท่านยังใช้น้ำที่ได้จาก "สร้างนก" ไปทำเป็นน้ำกระสายยาอีกด้วย




ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้พันธุ์บาบาเดนซิส

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มว่านหางจระเข้

Picture

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มว่านหางจระเข้ เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ผ่านการคัดสรรสมุนไพรธรรมชาติ “ว่านหางจระเข้” สายพันธุ์ อโล บาร์บาเดนซิส มิล (Aloe barbadensis Mill) ซึ่งเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพ และการบำบัดโรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะใช้ในวงการแพทย์แผนโบราณ และแพทย์แผนใหม่ มีการนำมาใช้ผสมในเครื่องสำอาง หรือนำมาใช้เป็นอาหาร ซึ่งมีผลการวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม ทำให้ว่านหางจระเข้ได้รับการยอมรับในประโยชน์อันทรงคุณค่ามาเป็นเวลานับทศวรรษ จนได้รับการขนานนามว่า “พืชมหัศจรรย์” หรือ “อายุวัฒนะ” มาช้านาน

ว่านหางจระเข้ประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ เกลือแร่ กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิด เอนไซม์ เบต้าแคโรทีน และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (HDL) เป็นต้น ด้วยคุณค่าของสารอาหารต่างๆ อันเป็นประโยชน์เหล่านี้ ผสมผสานอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ

ทำให้สรรพคุณของว่านหางจระเข้นั้นมีมากมายนานัปการ นอกจากการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของร่างกายแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลการทำงานของร่างกายอีกด้วย หากบริโภคอย่างสม่ำเสมอในปริมาณที่เหมาะสม

            จากผลการวิจัยและการทดลองต่างๆ นักวิทยาศาสตร์พบว่า การรับประทานว่านหางจระเข้ก่อนมื้ออาหารจะช่วยปรับสมดุลของร่างกายในบุคคลที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างเร่งรีบ โดยจะช่วยเสริมสร้างระบบการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ และทำให้ระบบการดูดซึมสารอาหารของร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะทางธรรมชาติ โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารปฏิชีวนะชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยพบสารออกฤทธิ์ทางปฏิชีวนะถึง 3 ชนิดในว่านหางจระเข้ ได้แก่

            อโลอิน (Aloin) ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด
            อีโมดิน (Emodin) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
            อโลมิซิน (Aloemicin) ที่มีฤทธิ์สมานแผลและระงับการขยายตัวของเชื้อไวรัส

องค์ประกอบในว่านหางจระเข้
เอมไซม์ มีอยู่กว่า 10 ชนิด
กรดอะมิโน มีมากกว่า 18 ชนิด (8 ชนิดเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย)
วิตามิน A, B1, B2, B6, B12, C, E, Folic, Choine
เกลือแร่ Na, K, Ca, Mg, Cl, Mn

คุณประโยชน์ของว่านหางจระเข้ต่อส่วนต่างๆ
กระเพาะ ช่วยสมานแผลในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ปรวนแปร ช่วยควบคุมและฆ่าเชื้อโรค อันเป็นสาเหตุต้นกำเนิด เบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ไต กระตุ้นระบบการทำงานของไต ให้สามารถขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภูมิแพ้ สารมูโคโพลีแซคคาไรด์ มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ข้ออักเสบ, ปวดตามข้อ  สารในว่านหางจระเข้ช่วยลดอาการอักเสบ อ่อนเพลีย ว่านหางจระเข้มีประสิทธิภาพในการเสริมขบวนการเผาผลาญสารอาหารของร่างกาย (Metabolism) ให้ดียิ่งขึ้น ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและเกลือแร่ไปใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น แผลสด, พุพอง ช่วยกระตุ้นระบบการสร้างเนื้อเยื่อ และการไหลเวียนของเส้นเลือดในจุดที่เป็นแผล ทั้งยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้แผลหายได้เร็ว นุ่ม ชุ่มชื้น ไม่เกิดเป็นแผลเป็น มะเร็ง มีอโลบิซิน และอโลคูติน สามารถระงับและยับยั้งการขยายตัวของเชื้อไวรัสของเซลล์มะเร็ง

ว่านหางจระเข้เหมาะสำหรับบุคคลดังต่อไปนี้
  • ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงผู้ที่ท้องผูก อาหารไม่ย่อย
  • ผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับยาก โดยจะช่วยให้เกิดสภาวะการหลับลึก ให้เกิดการพักผ่อนอย่างแท้จริงพร้อมปรับสภาวะสมดุลของร่างกาย
  • ผู้ที่มีแผลในลำไส้ โดยจะช่วยสมานแผลที่ลำไส้เล็กตอนต้น
  • ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ช่วยทำให้เส้นเลือดในสมองมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น
  • ผู้ที่เป็นโรคหวัด โดยจะเสริมภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อไวรัส ทังยังช่วยฆ่าเชื้อทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ (รับประทานต่อเนื่อง 2-3 เดือน)
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โดยช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเรื่องตับ โดยจะฟื้นฟูการทำงานของตับ
  •  ผู้ที่เป็นโรคสีดวงทวาร (ใช้ทา)
  • ผู้ที่เป็นแผลในช่องปากหรือมีแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โดยจะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและสมานแผล
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค
  • ช่วยต้านและยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็งและเชื้อไวรัส
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว รวมทั้งลดอาการแพ้ของผิวที่บอบบาง

ประโยชน์เพิ่มเติมนอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังถูกนำไปใช้เพื่อดูแลผิวพรรณและความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่เราได้ทราบกันแล้วว่า เครื่องสำอางราคาแพงเกือบทุกชนิด แชมพู ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว มักจะมีว่านหางจระเข้เป็นองค์ประกอบอยู่เกือบทุกชนิด

ทำอะไรได้อีก1.มาร์คหน้า ใช้กระดาษมาร์คหน้าหรือทิชชู่จุ่ม น้ำว่านหางจระเข้ให้ชุ่มแล้วประกบบนใบหน้า ทิ้งไว้ 10-20 นาที วันละครั้งแล้วล้างออก คุณจะสัมผัสได้ถึงความตึงและนุ่มเนียน นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมน้ำว่านหางจระเข้กับน้ำผึ้ง, โยเกิร์ต, ไข่ ได้ตามต้องการ

2.ใช้ทาเพื่อบำรุงผิว ช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยป้องกันการไหม้เกรียมจากแดดได้เป็นอย่างดี ใช้เป็น AFTER SUN ทาหลังจากเผชิญกับแดดที่แรงๆ ลดการไหม้เกรียมลดการไหม้ของผิวและปกป้องการเกิดขุยผิว

3.แผลพุพอง ถลอก ใช้ผ้า หรือสำลีชุบน้ำว่าน ทาลงบนแผลวันละ 4-5 ครั้ง ช่วยลดการอักเสบ ติดเชื้อ ทั้งยังช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น

4.แผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำว่านทาลงบนแผลช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้เป็นอย่างดี

น้ำว่านหางจระเข้ ยังสามารถใช้ผสมกับเครื่องดื่มที่คุณชอบหรือค๊อกเทลแสนอร่อยได้ตามต้องการ
ติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่ หมอพืชอานนท์ 089-6889946,091-2298845 ยินดีให้คำปรึกษาตลอดเวลาครับ